SZO TOKEN

SZO มีไว้เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของการทำธุรกรรมของ ShuttleOne

ซึ่งหลาย ๆ โครงการด้านการเงิน ก็จะใช้เหตุผลเดียวกันคือ เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียม แต่ทำไมถึงยังไม่เกิด หรือทำไม่ได้ (เป็นคำถามที่ VC ถามบ่อยมาก)

ต้องทำความเข้าใจก่อน ว่า การที่เราเอาเหรียญมาชำระค่าธรรมเนียม นั้นคือ เราซื้อการชำระเงินไว้ล่วงหน้า เปรียบได้กับการที่ เราซื้อเงินบาทไว้ล่วงหน้า เงินเยน หรือ เงิน สกุลต่างประเทศต่าง ๆ

ถ้าเงินเหล่านี้ จะขึ้นจะลง ราคาสินค้าของประเทศนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป

SZO คือการซื้อ เหรียญที่มี ETH ค้ำไว้ล่วงหน้า เพราะงั้น ราคามันเลยขึ้น ลง ตามกลไกราคาของ ETH แต่ค่าธรรมเนียมของ ETH ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย

ระบบการโอนเงินข้ามประเทศนั้น เราเปลี่ยนเป็น DAI ,USDT,USDC หรือ เหรียญอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคตทั้งหมด ทำให้กลไกการโอนนั้น จำเป็นต้องใช้แต่ค่าธรรมเนียมที่เป็น คริปโต เท่านั้น ในส่วนของการเปลี่ยนเป็นเงินจริง ทางผู้ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนจะกินส่วนต่างเอง โดยที่บริษัทไม่ได้เข้าไปยุ่ง

แล้วมันต่างยังไงกับ เหรียญอื่น ๆ มันต่างตรงที่ว่า ลองถามตัวเองดูว่าตอนนี้ถ้าโอนเงินต่างประเทศ ด้วยโครงการอื่น ๆ แล้วเอาเหรียญนั้นมาจ่าย จริง ๆคือใครจ่าย ทางผู้ใช้งานก็ต้องบอกว่า นี้ไงเขาจ่าย แต่จริง ๆ ไม่ใช่ ทางเจ้าของเหรียญต้องจ่ายแทนเราอีกที

แล้วถ้าเจ้าของเหรียญเอาเงินที่ได้ไปใช้อย่างอื่นเกินครึ่งแล้ว เขาจะเอาที่ไหนมาจ่าย

แปลว่า ยิ่งโครงการนั้นเกิดช้า ก็จะยิ่ง เผาผลาญเงินที่จะต้องใช้เป็นค่าธรรมเนียมไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็จะไม่เกิด ยกเว้นแต่จะต้องหารายได้ทางอื่นมาชดเชยที่ได้ขายไปแล้ว

ShuttleOne ไม่ได้ทำแค่ส่งเงิน แต่เราทำถึงที่มาของการได้เงินมาเพื่อจะส่งอีกด้วย นั้นคือการ ฝากเงิน และ กู้เงิน ข้ามประเทศ ผ่านระบบ BlockChain

ต้องขอบคุณการ Hack ระบบ DeFi 2 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา หลายคนอาจจะมองว่า มันไม่ปลอดภัย แต่จริง ๆ มันปลอดภัยมาก เพียงแต่มันไม่ปลอดภัย เพราะ ทัศนิคติ ของกลุ่มที่ทำ DeFi ทัศนคติ ที่ว่า นั้นคือ คำว่า การไม่มีศูนย์กลาง หรือ Decenterize หรือแปลให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือไม่สามารถควบคุมได้

ซึ่งต่างกับหลักการที่ทาง SuttleOne พยามทำมา คือเราพยายามใช้ BlockChain ควบกับการที่เรายังเป็นศูนย์กลาง แต่ ผู้ใช้งานตรวจสอบได้

หลายครั้งที่เราเสนอความคิดนี้แต่โดนปฎิเสท จนกระทั้ง การ hack ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นแล้วว่า สุดท้าย ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ และตอนนี้เราต้องมา ชั่งใจระหว่าง การที่ไม่มีคนควบคุมได้ แต่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น หรือ ควบุคมได้ โปร่งใส่ และ รับผิดชอบ

เราคงตอบไม่ได้ว่าสิ่งไหนถูกหรือสิ่งไหนผิด เพราะต่างคนต่างมุมมอง แต่ของ ShuttleOne เสนอเรื่องการใช้ Blockchain เพื่อทำให้โปร่งใส แต่ควบคุมได้

การฝากเงิน นั้นหลายคนมักจะถามว่าเอาดอกเบี้ยที่ไหนมาจ่าย ต้องบอกว่า ดอกแค่ 2.5% — 3% ต่อปี ทำไมถึงต้องมีคำถาม แต่ถ้าผมบอกว่า ได้ผลตอบแทน 50%-100% นี้ แทบจะไม่มีคำถาม ลงกันเต็มไปหมด หรือจริง ๆ เราก็มีทางเลือกให้ว่า งั้น ให้ดอก 0.25% ล่ะกัน จะได้หมดคำถาม

จุดนี้แค่อยากจะให้ลองคิดให้ดี ผมคงไม่บอกว่า เราเอาดอกมาจากไหน หลังจากที่ ผลงานออกมา ทุกคนจะรู้เองผ่านทาง BlockChain ว่าเงินวิ่งไปวิ่งมายังไง กลับกัน ท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้ เคยถามตัวเองไหม ว่า ธนาคาร เอาดอกมาจ่ายให้ท่านจากไหน? ผมเชื่อว่าหลายคนตอบได้ แต่จริง หรือ ดอกที่ท่านได้อาจจะมาจากเงินฝากที่ไม่รู้จะเอาไปให้ใครกู้ แล้วก็วนมาให้ท่านแบบแชร์ลูกโซ่ก็เป็นได้ ไม่งั้นทำไมถึงต้องรับประกันเงินฝากหล่ะ

แต่ในระบบ blockchain ไม่ต้องมารับประกัน เพราะท่านสามารถตรวจสอบสถานะของธนาคารได้ตลอดเวลาว่ามันมีเงินหรืออะไรค้ำอยู่หรือเปล่า

ในส่วนของการกู้เงิน ตอนนี้เราได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหนึ่ง ซึ่งขอยังไม่เอ่ย และยังมีนักลงทุนอีกจำนวนมาก ถามว่าแล้วเราเอาเงินจากไหนมาให้กู้

ระบบจับคู่คนที่มีทรัพย์สิน มีเครดิต แต่ไม่มีเงินสด มาเชื่อมกับคนที่อยากกู้ ธุรกิจดี แต่ไม่สามารถกู้ได้ด้วยระบบ ด้วยระบบธนาคารที่มีข้อจำกัดกับธุรกิจบางประเภท
หลักการก็คือ เราเปลี่ยนทรัพย์สินให้เป็นเงิน แล้วเอาเงินนั้นมาปล่อยกู้อีกที
อัตราหนี้เสีย แทบจะเป็นศูนย์ เพราะทรัพย์สินหลาย ๆ อย่าง ก็เพิ่มค่าเรื่อย ๆ แต่มันเพิ่มค่าในรูปของมูลค่า แต่ เจ้าของแทบไม่ได้เงินจากมูลค่าที่เพิ่มเลย

และด้วย ระบบ Blockchain ทำให้การเคลื่อยย้ายเงินข้ามประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน

วันนี้ สิ่งที่กำลังจะเปิดตัว (ถ้าไม่ติด Covid ก่อน) คือ การกู้เงินและฝากเงินข้ามประเทศ ที่เมื่อก่อนคงเป็นได้แค่บริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องไปเปิดสาขาประเทศนั้น ๆแต่ใครจะคิดว่า วันหนึ่ง เราจะทำมันให้เกิดขึ้นมาได้

ระบบ ShuttleOne จะคล้าย ๆ กับ UBER ต่างกันตรงที่ UBER ต้องมีรถ แต่ ShuttleOne ต้องมีเงิน และ SZO เมื่อมี 2 อย่างนี้ ทุกคนก็เป็นธนาคารให้เราได้ รับฝากเงิน ให้ดอก และปล่อยกู้ได้ทันที ท่านจะเหมือนสาขาของธนาคาร

ระบบจริงจะเป็นยังไง เร็ว ๆ นี้จะได้ใช้งานกันแล้ว
และการกู้เงินสำหรับ Startup จะง่ายขึ้นกว่าก่อนมาก